ข่าวสารบริษัท

เผยวิสัยทัศน์ กลุ่มบริษัท WHA ปี 2559 และอนาคต

03/03/2559

โมเดลธุรกิจครบวงจร ด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ต่อยอดการเติบโตในอนาคต

 

กรุงเทพฯ 3 มีนาคม 2559 – บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจสำหรับปี 2559 และอนาคตข้างหน้า ด้วย 4 กลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีสัญญาณการเติบโตที่แข็งแรง ได้แก่ โลจิสติกส์ ระบบฐานข้อมูลดิจิทัล นิคมอุตสาหกรรม และสาธารณูปโภคและพลังงาน ต่อยอดความสำเร็จของผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของ WHA ในปี 2558 ที่ผ่านมา

กลุ่ม WHA ยังได้ประกาศให้ทราบถึงขั้นตอนสุดท้ายของการเข้าซื้อและควบรวมกิจการบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) หลังจากการเสนอซื้อหุ้นสัดส่วนร้อยละ 7.12 จากผู้ถือหุ้นทั่วไปครั้งล่าสุด ส่งผลให้ขณะนี้บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือครองหุ้นของเหมราชฯ รวมเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.54 โดยเหมราชฯ ได้รับการถอดชื่อออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้กระบวนการเข้าซื้อกิจการที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2557 เสร็จสิ้นลง และทำให้รายได้รวมทั้งหมดของกลุ่มบริษัทในปี 2558 อยู่ที่ 12,064.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,953.7 ล้านบาท

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร และนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รองประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันแสดงวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กร ว่าต้องการก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการให้บริการด้านอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เพื่อผนวกธุรกิจของ WHA และเหมราชฯ เข้าไว้ด้วยกัน บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร และทีมผู้บริหาร ให้ตอบรับกับการดำเนินงานของธุรกิจในอนาคต ทั้งในด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน รวมถึงธุรกิจใหม่อย่างศูนย์กลางการให้บริการข้อมูลดิจิทัลด้วย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ต่อไป

“โครงสร้างองค์กรใหม่ที่ประกอบไปด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ออกแบบมาเพื่อให้มีสินค้าและบริการที่หลากหลายสำหรับลูกค้า” นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร และนางสาวจรีพร จารุกรสกุล กล่าว “ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มบริษัทของเราได้ประโยชน์อย่างมากทั้งในแง่ส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้น ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น ตลอดจนโอกาสที่จะนำเสนอขอบเขตโซลูชั่นด้านอุตสาหกรรมที่ขยายกว้างมากขึ้นอีกด้วย”

อันดับหนึ่งด้านการพัฒนาอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานแบบ Built-to-Suit

ในฐานะผู้ริเริ่มออกแบบแนวคิด Built-to-Suit สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทยเป็นรายแรก เป้าหมายสำคัญของกลุ่ม WHA คือการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับอุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นพัฒนาอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานคุณภาพสูงในพื้นที่ยุทธศาสตร์รอบกรุงเทพฯ รวมถึงในเขตอีสเทิร์นซีบอร์ด และต่างจังหวัด กลุ่ม WHA ตั้งใจที่จะส่งมอบ “บริการโซลูชั่นครบวงจร” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจากในประเทศและต่างประเทศ และช่วยให้ลูกค้าลงทุนด้านโลจิสติกส์ได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว” จากภาพรวมผลงานที่ผ่านมา WHA ยังคงได้ประโยชน์ จากฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มดูแลสุขภาพ รวมไปถึงผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมากในประเทศไทย

หลังจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ของเหมราชฯ และมีการผนึกกำลังกันในด้านต่างๆ ผ่านการแบ่งปันฐานลูกค้าให้แก่กันเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นโรงงานสำเร็จรูป และคลังสินค้าของเหมราชฯ จะถูกนำมาพัฒนาร่วมกันต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ WHA สามารถขยายฐานลูกค้าไปสู่การส่งออก และภาคการผลิต รวมทั้งขยายส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในประเทศไทย นอกจากนั้นรูปแบบการรวมกันทางธุรกิจนี้เอง จะช่วยให้กลุ่ม WHA มีการเติบโตอย่างมีศักยภาพสำหรับโรงงานแบบ Built-to-Suit เช่นเดียวกับภาคธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูงอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ และผลิตภัณฑ์โรงงานแบบ Built-to-Suit ที่มีศักยภาพ เช่น ห้องเย็น ศูนย์กระจายสินค้าที่ควบคุมอุณหภูมิ และสำหรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ

ยิ่งไปกว่านั้น WHA จะใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังกับเหมราชฯ และระบบสาธารณูปโภคในอีสเทิร์นซีบอร์ด (ชลบุรี และระยอง) ที่มีศักยภาพสูง และระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ทั้งถนน ทางรถไฟ และท่าเรือ ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรม และคลัสเตอร์โลจิสติกส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พัฒนาการต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงในนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์พาร์คของกลุ่ม WHA ในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมถึงในประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างอินโดนีเซียและเวียดนามด้วย

“เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำในธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เราจะปรับปรุงอาคารโรงงานและคลังสินค้าของเราให้มีความทันสมัยตอบรับความต้องการใหม่ ๆ อยู่เสมอ พร้อมทั้งส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและมีมูลค่าสูงยิ่งขึ้น” นางสาวจรีพร จารุกรสกุล กล่าว

ปัจจุบัน ลูกค้าของกลุ่ม WHA ในธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรมประกอบไปด้วยบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติจากหลากหลายภูมิภาค อาทิ เอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งยุโรป และสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปี พ.ศ. 2558 กลุ่ม WHA มีพื้นที่อาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานสำเร็จรูป คลังสินค้า รวมประมาณ 2 ล้านตารางเมตร โดยคาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะสามารถขยายพื้นที่ดังกล่าวได้ถึง 3 ล้านตารางเมตร

เศรษฐกิจดิจิทัลและบิ๊กดาต้าคือ “บ่อน้ำมัน” ของยุคนี้

เศรษฐกิจดิจิทัลถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจล่าสุดที่กลุ่ม WHA เล็งเห็นศักยภาพครั้งสำคัญสำหรับการพัฒนาและการเติบโตขององค์กร ในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย โดยภายในสามปีข้างหน้า ทวีปเอเชียจะครอบคลุมสัดส่วนกว่าครึ่งของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก นอกจากนี้ ด้วยความก้าวหน้าของอีคอมเมิร์ส อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things) และเทคโนโลยี “บิ๊กดาต้า” ที่โดดเด่นและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุปสงค์ด้านดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มสูงขึ้นมาก

กลุ่ม WHA ต้องการเป็นผู้นำในพัฒนาการครั้งสำคัญนี้ด้วยการให้บริการเบ็ดเสร็จสำหรับสาธารณูปโภคดิจิทัล ครอบคลุมบริการและโซลูชั่นดาต้าแบบครบวงจร การมุ่งให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์คุณภาพสูงจะทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง เพราะบริษัทมีฐานลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติและบริษัทไทย กลุ่ม WHA มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและเทคโนโลยีรายใหญ่ในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่โครงสร้างสาธารณูปโภคไปจนถึงให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ใยแก้วนำแสง และโครงข่ายเคลื่อนที่ จึงทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในด้านแพลทฟอร์มดิจิทัล

นิคมอุตสาหกรรมของเรา จะได้รับการปรับเปลี่ยนเป็น “สมาร์ทดิสทริค” ที่มีโครงสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านไอทีและระบบการสื่อสารที่ทันสมัยที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา

“ปัจจุบัน ดาต้าถือเป็น “บ่อน้ำมันในรูปแบบใหม่” และเราตั้งใจจะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลรายสำคัญของประเทศ” นางสาวจรีพร จารุกรสกุล กล่าวเสริม “เราจะส่งมอบระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการสื่อสารระดับเวิลด์คลาส ตลอดจนพัฒนาบริการโซลูชั่นและแพลตฟอร์มด้านดาต้าที่ครอบคลุม เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพลูกค้าทั้งที่เป็นบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติในนิคมอุตสาหกรรมของเรา”

ผู้นำอันดับหนึ่งในประเทศไทยด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ที่มีสัดส่วนทางการตลาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551

ด้วยการผนึกกำลังกันกับเหมราชฯ ทำให้ขณะนี้กลุ่ม WHA บริหารดูแลนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 8 แห่ง และกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาอีก 3 แห่ง รวมทั้งหมดเป็นที่ดินจำนวน 45,198 ไร่ ในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญหลายแห่ง ส่งผลให้กลุ่ม WHA รั้งตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ด้วยสัดส่วนทางการตลาดร้อยละ 31 อีกทั้งในช่วง 8 ปีหลังที่ผ่านมา สามารถขายที่ดินได้ทั้งหมด 10,059 ไร่ โดยในปีที่ผ่านมา เหมราชฯ สามารถขายที่ดินไปได้ทั้งหมด 1,043 ไร่ จากสัญญาจำนวน 28 สัญญา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 22 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิม 6 ราย

ปัจจุบัน เหมราชฯ มีลูกค้าทั้งหมด 668 ราย จากสัญญาที่ดินและโรงงานอุตสาหกรรมจำนวน 1,003 สัญญา ซึ่งในจำนวนนี้รวมลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ 233 ราย กลุ่มลูกค้าคลัสเตอร์ยานยนต์ ประกอบด้วยแบรนด์ระดับโลกมากมาย อาทิ ฟอร์ด มาสด้า จีเอ็ม ซูซูกิ เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี รวมทั้งผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์อีก 32 รายที่เป็นหนึ่งใน 100 ผู้จำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์โออีเอ็มที่ดีที่สุดของโลกด้วย สำหรับปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกยานยนต์จากกลุ่มลูกค้าคลัสเตอร์ยานยนต์ของเหมราชฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.05 ของมูลค่าการส่งออกไทยทั้งหมด

“เรามุ่งมั่นที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งด้านการขายที่ดินอุตสาหกรรม พร้อมช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางธุรกิจของกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่สำคัญ” มร. เดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม นิคมอุตสาหกรรมและการลงทุนต่างประเทศ กล่าว “นอกจากอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเรามีบทบาทสำคัญมาตลอด 15 ปีที่ผ่านมาแล้ว เรายังมีแผนที่จะพัฒนากลุ่มคลัสเตอร์อื่น ๆ อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกต่าง ๆ “

ปัจจุบัน ลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ของลูกค้าทั้งหมด ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 14 กลุ่มปิโตรเคมี ร้อยละ 9 กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ ร้อยละ 9 กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ร้อยละ 7 และกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อีกร้อยละ 7

เมื่อจัดแบ่งลูกค้าตามประเทศและภูมิภาค ร้อยละ 38 เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ตามมาด้วยไทยที่ร้อยละ 19 ยุโรป ร้อยละ 11 และสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 9 บริษัทสัญชาติจีนมีเพียงร้อยละ 3 ของลูกค้าทั้งหมด แต่กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากจำนวนนักลงทุนชาวจีนที่เพิ่มมากขึ้น สัดส่วนลูกค้าทั้งหมดนี้คิดรวมเป็นจำนวนเม็ดเงินการลงทุนถึงกว่า 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

“ประสบการณ์อันแข็งแกร่งกว่า 27 ปีของเหมราชฯ ในการพัฒนานิคมอุสาหกรรม จะส่งผลดีอย่างยิ่งในการเพิ่มยอดรวมจำนวนลูกค้าของเรา อีกทั้งยังช่วยเจาะตลาดใหม่ ๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน ในนิคมอุตสาหกรรมเฉพาะประเภท เริ่มต้นจากอินโดนีเซียและเวียดนาม ก่อนจะขยายไปยังกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนามต่อไปในที่สุด” มร. เดวิด นาร์โดน กล่าว

ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องด้านพลังงาน และผู้ให้บริการสาธารณูปโภค

กลุ่ม WHA ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจำนวน 13 โครงการ มีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 2,537 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่กำลังดำเนินการอยู่ 6 แห่ง ผลิตไฟฟ้าได้รวม 1,655 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าเอสพีพี 7 แห่งยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะมีกำลังการผลิตรวมอีก 882 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าทั้งหมดนี้ดำเนินการภายใต้สัญญาร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำในไทยและต่างประเทศ อาทิ โกลว์ เอ็นเนอร์จี กัลฟ์ พาวเวอร์ และ บี กริม นอกจากนี้ กลุ่ม WHA กำลังก่อสร้างโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงาน พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ด้วยในขณะนี้

บริการด้านสาธารณูปโภค ประกอบด้วยน้ำดิบ น้ำประปา และน้ำอุตสาหกรรม (กำลังการผลิตรวมกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี) รวมไปถึงบริการบำบัดน้ำเสีย (กำลังการผลิตรวมกว่า 54 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี) และบริการซ่อมบำรุงแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานเหล็ก ตลอดจนอุตสาหกรรมยานยนต์และปิโตรเคมี

บริการต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่เพียงจะช่วยให้ลูกค้าของกลุ่ม WHA และลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างไร้กังวล แต่ยังเป็นอีกแหล่งรายได้สำคัญของกลุ่ม WHA ด้วย จัดเป็นรายได้ต่อเนื่องที่มีกำไรสูง ในรูปแบบเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากพันธมิตรทางธุรกิจ

“การผลิตไฟฟ้าและบริการด้านสาธารณูปโภค นับเป็นองค์ประกอบที่ส่งเสริมกันของนิคมอุตสาหกรรมของเรา” มร. เดวิด นาร์โดน อธิบาย “สำหรับพลังงานไฟฟ้า เรามุ่งมั่นที่จะมีบทบาทในกลุ่มพลังงานแบบดั้งเดิมกับเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในต่างประเทศ สำหรับบริการสาธารณูปโภค เราตั้งใจที่จะขยายบริการของเราไปสู่การจำหน่ายก๊าซธรรมชาติและบริการระบบสื่อสารแบบไฟเบอร์ออพติค ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของเรา”

เกี่ยวกับกลุ่ม WHA

“WHA ก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2546 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะส่งมอบโซลูชั่นด้านอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานให้แก่ลูกค้าทั้งบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติ เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ กลุ่ม WHA ถือเป็นผู้นำการพัฒนาและการให้บริการศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้าและโรงงานแบบ Built-to-Suit โรงงานและคลังสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดในตลาดนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศไทย ที่มีการแข่งขันสูง

หลังการเข้าซื้อกิจการบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 กลุ่ม WHA ได้กลายเป็นผู้ให้บริการธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทย รวมทั้งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า ผู้ให้บริการสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.wha.co.th หรือติดต่อที่
คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
C/O Francom Asia Public Relations
โทร 02 233 4338 ต่อ 19
แฟกซ์ 02 236 8030
อีเมล์ pr@francomasia.com