ความปลอดภัยทางถนน
จากการที่ผู้มีส่วนได้เสียหลายฝ่ายต่างใช้รถบนท้องถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทฯ เป็นจํานวนมากซึ่งอาจทําให้การจราจรติดขัดหรืออุบัติเหตุได้ ด้วยเหตุนี้ ความปลอดภัยทางถนนจึงเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่สําคัญที่ระบุได้จากกระบวนการประเมินความเสี่ยง โดยพนักงานของกลุ่มบริษัทฯ ลูกค้า และผู้สัญจรไปมาอาจประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เมื่อเดินทางภายในนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้น กลุ่มบริษัทฯ จึงดําเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบดังต่อไปนี้เพื่อจัดการความเสี่ยงดังกล่าว :
- การสร้างเนินชะลอความเร็วบนถนนเส้นหลัก ที่กั้นคอนกรีตช่องทางกลับรถใหม่สําหรับยานพาหนะที่เข้ามาจากถนนท้องถิ่นเพื่อลดการจราจรติดขัด
- การตรวจสอบ ติดตาม และปรับปรุงสภาพพื้นถนนอย่างต่อเนื่อง
- การพัฒนาระบบควบคุมการจราจร
กลุ่มบริษัทฯ ถือว่าความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นเรื่องสําคัญอย่างมาก จึงได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเทคโนโลยีอยู่เสมอเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างเต็มศักยภาพ กลุ่มบริษัทฯ ได้นําระบบจัดการยานพาหนะมาใช้ โดยติดตั้งตามทางเข้าต่างๆ ดังที่ระบุไว้ในหัวข้อการจัดการด้านนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยบนท้องถนนและการจราจรติดขัดในเขตอุตสาหกรรม เมื่อมีการนําระบบนี้มาใช้ กลุ่มบริษัทฯ จึงได้รับข้อมูลจํานวนยานพาหนะรวมถึงหมายเลขทะเบียนที่ถูกต้อง แม่นยํา แยกสีและประเภทของรถ รวมทั้งยานพาหนะที่ฝ่าฝืนกฎจราจร เช่น ขับรถผิดช่องทาง เพื่อบริหารจัดการการจราจรติดขัด และรับมือกับเหตุชนแล้วหนี ทั้งนี้ ในปี 2564 มีจํานวนรถเข้าออกบริเวณนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ESIE) ประมาณ วันละ 137,754 คัน คิดเป็นประมาณ 49,185,040 คันต่อปี นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้นําระบบดิจิทัลมาบูรณาการในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระบบควบคุมการจราจรอัตโนมัติ เพื่อตรวจสอบระดับความแออัดและเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจรโดยอัตโนมัติเพื่อระบายการจราจร ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด (WHA ESIE) สามารถลดเวลาการจราจรติดขัดจาก 10-15 นาทีลงเหลือ 3-5 นาที และมีจํานวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางจราจรลดลง จาก 2 รายในปี 2563 เหลือ 1 รายในปี 2564 ด้วยสาเหตุปัญหาสุขภาพ (หัวใจวาย) ขณะขับรถ
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้ศึกษาการใช้เทคโนโลยีโดรนเพื่อตรวจสอบสภาพถนนและการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน และได้เริ่มใช้งานโดรนชนิดนี้ในปี 2564 โดรนจะช่วยตรวจสอบอุบัติเหตุทางถนนและยังสามารถตรวจจับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ข้อมูลดังกล่าวสามารถนําไปวิเคราะห์ต่อยอดเพื่อค้นหาและดําเนินแนวทางป้องกันและจํากัดจํานวนอุบัติเหตุในอนาคตได้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การใช้โดรนจะช่วยให้ตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อมีอุบัติเหตุลดลง จึงส่งผลให้ปริมาณการใช้ถนนเบาบางลงตามไปด้วย
ในปี 2564 มีอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งหมด 34 ครั้งจากผู้สัญจรไปมาภายในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทฯ อุบัติเหตุดังกล่าว เป็นผลให้มีผู้บาดเจ็บ 22 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยไม่มีบุคคลใดเป็นพนักงานกลุ่มบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะลดตัวเลขเหล่านี้และปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยบนท้องถนนและมาตรการความปลอดภัยด้านอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ อีกด้วย
การจัดการจราจรในรูปแบบ Adaptive Traffic
โครงการการจราจรแบบ Adaptive Traffic ได้ริเริ่มในปี 2564 โดยเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยจัดการจราจรให้มีประสิทธิภาพ ใช้ระบบควบคุมไฟจราจรแบบเรียลไทม์ที่เก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดและคํานวณเวลาที่ต้องใช้ในการควบคุมไฟจราจร ยิ่งไปกว่านั้น ระบบนี้ยังช่วยลดการจราจรติดขัด รวมถึงลดอุบัติเหตุ จากการจราจร อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ด้วยเช่นกัน กระบวนการดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในไตรมาส 2 ปี 2565
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้ประเมินจุดที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ ที่อาจเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และได้วางแผนเพื่อปรับปรุงแก้ไข ในปี 2564 เพื่อลดจํานวนอุบัติเหตุรถยนต์ในการเนินงานของกลุ่ม บริษัทฯ ให้ได้มากที่สุด จึงมีการซ่อมแซมถนนดับบลิวเอชเอ แยก E16 ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด (WHA ESIE) ซึ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 3 ครั้งในปี 2563 โดยภายหลัง การแก้ไขปรับปรุงดังกล่าว ด้วยการติดตั้งเนินชะลอความเร็วและ ที่กั้นคอนกรีต ส่งผลให้ไม่มีอุบัติเหตุ ณ จุดดังกล่าวเกิดขึ้น ในปี 2564