ข่าวสารบริษัท

บริษัทเหมราชฯประกาศ – รายได้จากการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2556 จำนวน 2,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22

14/05/2556
- กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2556 จำนวน 902 ล้านบาท (กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 692 ล้านบาท)
- บริษัทฯ ได้ปรับประมาณการยอดขายที่ดินจาก 1,600 ไร่ เป็น 1,800 ไร่

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2556 สรุปได้ดังนี้

กำไรสุทธิ

ในไตรมาส 1 ปี 2556 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 901.7 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.093 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 1 ปี 2556 จำนวน 692.2 ล้านบาท

การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2556 มาจากการเติบโตของทุกธุรกิจ อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยการเพิ่มขึ้นของยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเกิดจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากสาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 บริษัทฯมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากโครงการเก็คโค่-วัน จำนวน 209.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง 130.3 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีกำไรจำนวน 290.4 ล้านบาทจากโครงการเก็คโค่-วัน ซึ่งเกิดจากค่าปรับผู้รับเหมาเนื่องมาจากโครงการล่าช้า

นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า“บริษัทฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและผลการดำเนินงานใน 3 เดือนแรกของปี 2556 รายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 2,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 กำไรจากการดำเนินงานจำนวน 754 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 692 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมายังมีค่าปรับจากผู้รับเหมาของโครงการเก็คโค่-วันจำนวน 290 ล้านบาท

นอกจากนี้รายได้ของบริษัทฯสะท้อนได้จากรายได้จากการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เช่นเดียวกับรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ในช่วง 3 เดือนแรก ปี 2556 บริษัทฯสามารถขายและให้เช่าที่ดินไปแล้วกว่า 421 ไร่ (168 เอเคอร์ หรือ 67 เฮกตาร์ จากสัญญาจำนวน 24 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 12 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 12 ราย อีกทั้งตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง เห็นจากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการทุนหรือบีโอไอที่มีการอนุมัติโครงการการลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2556 มูลค่ารวม 271,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่คาดว่าจะมีลูกค้าจำนวนมาก บริษัท ฯ จึงได้ปรับเป้าการขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมสำหรับปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 1,800ไร่ (720 เอเคอร์ หรือ 288 เฮกตาร์) ในวันที่มีการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2556

ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการตั้งฐานการผลิต การร่วมทุน และการเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ ทั้งต้นทุน อัตราแลกเปลี่ยน โครงสร้างพื้นฐาน และการเข้าถึงตลาด ในไตรมาส 1 ปี 2556 บริษัท มาสด้า เพาเวอร์ เทรน แมนูแฟคเนอรริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้ซื้อที่ดิน จำนวน 131 ไร่ ที่นิคมฯ อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) เพื่อเป็นฐานการลงทุนด้านธุรกิจยานยนต์ ที่มีมูลค่าสูงถึง 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้ภายหลังไตรมาส1 บริษัทได้มีการทำสัญญาเช่ากับบริษัท เซี่ยงไฮ้ ออร์โตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น หรือเอสเอไอซี ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากประเทศจีน และเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำนวน 17,280 ตารางเมตร ซึ่งสอดคล้องกับมูลค่าของตลาดยานยนต์ และคลัสเตอร์รถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น เราเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะยังคงสร้างแรงหนุนให้เกิดการลงทุนในประเทศไทยต่อไปในอนาคต

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน โครงการโรงไฟฟ้าอิสระกำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ โดยบริษัทถือหุ้นร้อยละ 35 และได้เปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเมื่อเดือน สิงหาคม 2555 จะมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงานเป็นเวลา 2 เดือน ในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 ดังนั้นเราคาดว่าการดำเนินการจากโครงการพลังงานในปี 2556 จะต่ำกว่าอัตราปกติ อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 126 เมกกะวัตต์ (SPP) โครงการแรกที่บริษัทร่วมมือกับกัลฟ์ เจพี ได้เริ่มดำเนินการผลิตเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556

นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูป โลจิสติกส์พาร์คและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังจะเห็นได้จากภาพรวมของรายได้และผลการดำเนินงานในภาพรวมที่เติบโตจากโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยง ผลกระทบจากค่าเงินและการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจการส่งออก อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของบริษัทจากภาระผูกพันที่เพิ่มขึ้นของการลงทุนด้านอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นของรายได้และกำไร บริษัทฯ ยังคงกลยุทธ์ในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”

รายได้รวมและผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1 ปี 2556 สำหรับไตรมาส 1 ปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,045.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 1,675.5 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 โดยมีรายได้จากธุรกิจหลักจำนวน 2,045.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมปี 2555 มีจำนวน 1,342 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 2,872 ล้านบาทที่รอการรับรู้ในช่วง 3-18 เดือนข้างหน้าด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน

รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 387.3 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 20 ซึ่งเกิดจากปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และเงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 399.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป คลังสินค้าให้เช่า การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 214.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 89.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 145

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 936.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 754.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 46% และ 37% ตามลำดับ

เหตุการณ์สำคัญในไตรมาส1 ปี 2556
• บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 421 ไร่ จาก 24 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 12 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 12 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 567 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 856 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 190 รายจากจำนวน 294 สัญญา
• พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 หรือ 28,030 ตารางเมตร จากสิ้นปี 2555 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 263,839 ตารางเมตร และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 15,163 ตารางเมตร
• พื้นที่เช่าของคลังสินค้าเพิ่มขึ้น 11,888 ตารางเมตร จากสิ้นปี 2555 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 28,708 ตารางเมตร และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 21,926 ตารางเมตร เหตุการณ์ภายหลังไตรมาส1 ปี 2556
• ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายจำนวน 0.07 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นเงินปันผลทั้งหมด 0.11 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการของปี 2555
• ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2556 บริษัทฯ ได้มีการปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินจาก 1,600 ไร่ เป็น 1,800 ไร่

งบดุลรวมสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2556 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 28,753 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 16,821 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 11,932 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 1.16 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 3,033 ล้านบาท

รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราชฯ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9
นาย เผ่าพิทยา สมุทรกลิน
ผู้อำนวยการ – นักลงทุนสัมพันธ์ และวางแผน
บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
ชั้น 18 อาคาร ยู เอ็ม เลขที่ 9 ถนน รามคำแหง สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 ประเทศไทย