ข่าวสารบริษัท

ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ที่บริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด

03/02/2558
หลังจากได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ขอสรุปเหตุการณ์และรายงานความคืบหน้าดังต่อไปนี้

เมื่อเวลา 19.20 น. ของวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นในอาคารเก็บยางรถยนต์ภายในบริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด ทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ ทีมฉุกเฉินของเหมราชฯ ได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุพร้อมรถดับเพลิงทันที และประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รุดมาที่เกิดเหตุ โดยมีรถดับเพลิงประมาณ 20 คันได้ระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด ใช้เวลารวม 4 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลา 23.30 น. เนื่องจากในที่เกิดเหตุมีกระแสลมแรงและวัสดุยางซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงได้เผาผลาญอาคารเก็บสินค้าไปรวม 6 หลัง ในขณะที่อาคารกระบวนการผลิตยางไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว ในเบื้องต้นการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้สั่งการให้บริษัทหยุดการปฏิบัติงานชั่วคราวเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อสืบสวนหาสาเหตุเพลิงไหม้ และดำเนินการแก้ไขป้องกันให้สภาพพื้นที่อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย

ในส่วนของระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (Hemaraj ESIE) และนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE) ไม่ได้รับความเสียหาย หรือผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งระบบไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ยังสามารถให้บริการได้ตามปกติ

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม น้ำที่ปนเปื้อนจากการดับเพลิงได้ถูกเก็บกักในบ่อหน่วงน้ำภายในของบริษัท แอลแอลไอที และจะส่งไปบำบัดโดยบริษัทภายนอก โดยจะไม่ระบายไปรวมกับระบบน้ำหรือแหล่งน้ำของชุมชน ในส่วนของคุณภาพอากาศ กนอ. ได้ส่งหน่วยวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่จากมาบตาพุดไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่เวลา 2 นาฬิกาของวันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อตรวจเช็คค่ามลภาวะในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งขณะนี้ได้เคลื่อนย้ายไปตั้งอยู่ที่วัดศรีพุ่มโพธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศทางลมตะวันตกเฉียงใต้ของโรงงานเกิดเหตุ และจะดำเนินการติดตามตรวจสอบผลกระทบอย่างใกล้ชิดต่อไป นอกจากนี้ บริษัท เหมราชฯ ยังได้ดำเนินการตรวจวัดค่าแก๊สและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds: VOCs) ด้วยเครื่องตรวจวัดเคลื่อนที่ในแต่ละชุมชนโดยรอบบริเวณนิคมฯ เพื่อเฝ้าระวังปัญหามลพิษที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ โดยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เอแอลเอส ให้ดำเนินการตรวจวัดสภาพอากาศ 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง 7 วัน ในชุมชน 2 แห่ง

เศษวัสดุและขยะจากเพลิงไหม้ที่หลงเหลืออยู่จะถูกกำจัดตามระเบียบการจัดการของสียที่ถูกต้อง ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัด

จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีรายงานผู้ป่วย หรือผู้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในด้านการประสานงานติดตามผลกระทบและให้ข้อเท็จจริงกับชุมชน เหมราชฯ กนอ.และบริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) ได้ร่วมกันลงพื้นที่ชุมชุนต่างๆ เพื่อติดตามผลกระทบ และให้ข้อเท็จจริง

ผลจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ระยะ 3 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโรงงานระหว่างวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ โดยกนอ. พบว่า ค่าแก๊สและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน

ทั้งนี้ เหมราชฯ จะประสานความร่วมมือกับกนอ. และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งจะรายงานความคืบหน้าให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป

ธนินทร์ ทรัพย์บุญเรือง
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)