ข่าวสารบริษัท

เหมราชฯตั้งเป้า ปี 2554 เติบโต 30%

25/01/2554
ด้วยรายได้หลักจากการขายที่ดิน การให้บริการด้านสาธารณูปโภคและการเปิดตัวโครงการอสังหาริทรัพย์ใหม่ในปี 2554

25 มกราคม 2554 – บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย แถลงสรุปผลความสำเร็จในการดำเนินงานปี 2553 พร้อมเผยแนวโน้มธุรกิจและเป้าหมายองค์กรในปี 2554

มร. เดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2553 นับเป็นช่วงเวลาของการปรับเปลี่ยนที่สำคัญของเหมราชฯ เราขยายธุรกิจหลักของเราเพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการด้านธุรกิจอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรในระดับสากล เราเชื่อว่าบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและมีความพร้อมในการดำเนินงานตามแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและด้านการเงิน”

ผลประกอบการของปี 2553 สะท้อนถึงการเติบโตอย่างเด่นชัดของการขายที่ดินอุตสาหกรรมและการให้บริการด้านสาธารณูปโภค ยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมในปี 2553 ขยับขึ้นสูงถึง 930 ไร่ จาก 144 ไร่ในปี 2552 โดยมีการเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดิน 41 สัญญา แบ่งเป็นลูกค้าใหม่ 19 ราย และการขยายกิจการของลูกค้าเดิมอีก 22 ราย การเข้าถือหุ้นเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรีและเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยองในไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 ทำให้บริษัทฯ มีที่ดินอุตสาหกรรมพร้อมขายเพิ่มขึ้น 2,771 ไร่ และทำให้เหมราชฯ มีที่ดินรวมทั้งสิ้น 31,350 ไร่ ใน 6 นิคมอุตสาหกรรม

เขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยองเป็นที่จับตามองในด้านที่ตั้งที่เหมาะสมด้านยุทธศาสตร์ อยู่ระหว่างกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในฝั่งอีสเทิร์นซีบอร์ด ไม่ห่างจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และยังใกล้แหล่งแรงงานอีกด้วย ส่วนเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯเพียง 1 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมด้านโลจิสติกส์และอิเล็กทรอนิกส์จากทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ มีแหล่งแรงงานพร้อมจากจังหวัดสระบุรี

“ในปี 2554 เราคาดว่าธุรกิจที่ดินอุตสาหกรรมของเราจะโตขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ โดยตั้งเป้าการขายที่ดินไว้ที่ 1,200 ไร่ พิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดี อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศและการขยายตัวของการส่งออก นอกจากนี้การขึ้นไปอยู่ในอันดับ 13 ของโลกในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เดวิดกล่าว

“สำหรับปี 2554 เหมราชฯ ยังคงเน้นนโยบายการลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ ในด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเราตั้งเป้าเพิ่มสัญญาซื้อขายใหม่ 50 สัญญา ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากลูกค้าเดิม ด้วยอานิสงค์จากข้อตกลงการค้าเสรีในกลุ่มประเทศอาเซียน เราคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักลงทุนจากญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และอินเดีย ในส่วนของโรงงานสำเร็จรูปเราคาดว่าจะมีการเช่าเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ในปี 2554 ด้วยรูปแบบโรงงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและรองรับการขยายตัวในอนาคต นอกจากนี้การเข้าถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ในเหมราช เอสไอแอล และเหมราช อาร์ไอแอล จะส่งผลให้รายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรม และการเช่าโรงงาน เติบโตขึ้นอย่างเด่นชัด ในส่วนของการให้บริการด้านสาธารณูปโภค โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer) ของเก็คโค่-วัน (Gheco-One) จะเริ่มดำเนินการต้นปี 2555 ขณะเดียวกัน ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ เหมราชฯ กำลังทำการศึกษาเพื่อเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และที่อีสเทิร์นซีบอร์ดในปี 2554” มร. เดวิดกล่าวเพิ่มเติม

นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เหมราชฯ กล่าวว่า “เราพอใจเป็นอย่างมากกับผลการดำเนินงานในปี 2553 ซึ่งเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่งจากลูกค้า ปัจจุบันเหมราชฯ มีลูกค้าในประเทศ ร้อยละ 21 ขณะที่ลูกค้าต่างชาติเป็นผู้ลงทุนจากประเทศ ญี่ปุ่น (ร้อยละ 33) ยุโรป (ร้อยละ 13) อเมริกา (ร้อยละ 11) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 5) และไต้หวัน (ร้อยละ 4) ผู้ลงทุนจากจีน สิงคโปร์ เกาหลี มาเลเซีย และอินเดีย ก็แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเช่นกัน โดยสรุปเหมราชฯประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายในปี 2553 และ เราเชื่อมั่นว่า ปี 2554 จะเป็นปีทีดียิ่งขึ้นไปอีก”

ปัจจุบัน เหมราชฯ มีนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมรวม 6 แห่ง มีที่ดินรวมกัน 31,350 ไร่ (12,540 เอเคอร์) มีลูกค้ารวม 426 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ 148 ราย จำนวนสัญญารวม 643 สัญญา และมีเงินลงทุนรวมของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯเป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์ใช้พื้นที่รวม ร้อยละ 35 ของพื้นที่ทั้งหมดในนิคมฯของเหมราชฯ ตามด้วยสินค้าอุปโภคบริโภค (ร้อยละ 15) อุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมี (ร้อยละ 12) เหล็กและโลหะ (ร้อยละ 9) วัสดุก่อสร้าง (ร้อยละ 8) ไฟฟ้า (ร้อยละ 7) โลจิสติกส์ (ร้อยละ 3) และอื่นๆ (ร้อยละ11)
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท แคทเทอร์พิลลาร์ อันเดอร์กราวนด์ ไมน์นิ่ง จำกัด บริษัทลูกจากประเทศออสเตรเลียในกลุ่ม แคทเทอร์พิลลาร์ สหรัฐอเมริกา ผู้นำด้านอุปกรณ์ก่อสร้างและอุปกรณ์การทำเหมือง และหนึ่งในบริษัท Fortune 500 ได้เซ็นสัญญากับบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ซื้อที่ดิน 140 ไร่ ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยอง (เหมราช อาร์ไอแอล) เพื่อสร้างโรงงานแห่งแรกของแคทเทอร์พิลลาร์ ในประเทศไทย โดยโรงงานแห่งนี้จะมีขนาด 60,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตปลายปี 2555 และจะเพิ่มกำลังการผลิตในสายเครื่องจักรสำหรับการทำเหมืองใต้ดินของแคทเทอร์พิลลาร์ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการในระยะยาวของลูกค้าในตลาดเกิดใหม่

นายสุนทร คงสุนทรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ของเหมราชฯ กล่าวว่า “นอกจากความเป็นเลิศทางด้าน การดำเนินธุรกิจและการเงินแล้ว เหมราชฯ ยังให้ความสำคัญต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม การศึกษา และ ความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนโดยรอบนิคมฯของบริษัทฯเสมอมา โดยในด้านสิ่งแวดล้อม ในปีนี้ บริษัทฯ จะร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สานต่อโครงการนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องในนิคมฯอีสเทอร์นซีบอร์ดของเหมราชฯ นอกจากนี้ การดำเนินงานของศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมสิ่งแวดล้อม (ESIE) หรือ E:mc^2 ในนิคมฯอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ซึ่งรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมแบบออนไลน์ตามเวลาจริง (เรียลไทม์) แห่งแรกที่เปิดในนิคมฯ เอกชน โดยเหมราชฯ ร่วมกับ กนอ. เมื่อปี 2552 นั้นมีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมโดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากชุมชนและประชาชนทั่วไป

ในด้านการศึกษา ในปี 2554 นอกจากโครงการมอบอุปกรณ์การศึกษาและการให้ทุนการศึกษาประจำปีแล้ว โครงการ “Adopt-A-School - Train the Trainer” ยังคงเดินหน้า ในการสนับสนุนและส่งเสริมทักษะของครูจากโรงเรียนรอบ ๆนิคมฯของเหมราชฯในระยองและชลบุรี เพื่อมอบการศึกษาแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนแก่เด็กนักเรียน ขณะเดียวกันโครงการ”วาดศิลป์...ที่บ้านเกิด” จะครอบคลุมเด็กนักเรียนใน 16 โรงเรียน และขยายขอบเขตโดยให้การอบรมครูเพิ่มขึ้น โครงการฝึกอาชีพแม่บ้านที่เหมราชฯริเริ่มขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมาจะขยายขอบข่ายครอบคลุมชุมชนโดยรวม นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่น ๆ ที่ดำเนินการต่อเนื่อง เช่น โครงการรักษาฟรีโดยหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โครงการปลูกต้นไม้ และการให้การสนับสนุนด้านกีฬาและเยาวชน”