ข่าวสารบริษัท
เหมราชฯ ประกาศ ปรับเป้าปี 2555 ประมาณการรายได้เพิ่มร้อยละ 50 พร้อมปรับเป้าขายที่ดินเพิ่มเป็น 2,300 ไร่
15/08/2555
กรุงเทพฯ 15 สิงหาคม 2555 – บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับเป้ารายได้จากการดำเนินงานและเป้าขายที่ดินอุตสาหกรรม หลังครึ่งปีแรกมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในทุกด้าน โดยได้ปรับประมาณการรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มเป็นร้อยละ 50 จากยอดรวมของปีก่อนหน้า ขณะเดียวกันยังได้ปรับเป้าการขายที่ดินอุตสาหกรรมเพิ่มอีกครั้งเป็น 2,300 ไร่ นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ขนาด 660 เมกกะวัตต์ ซึ่งเหมราชฯร่วมลงทุนกับโกลว์กรุ๊ปในอัตราร้อยละ 35/65 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการบริษัท เหมราชฯ กล่าวว่า “สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัท มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ 6 ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันการรับรู้รายได้ซึ่งเกิดขึ้นจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 120 รายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 รายได้จากสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 49
ในส่วนการลงทุนด้านพลังงาน โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันขนาด 660 เมกกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา และจะทำให้เหมราชฯ มีรายได้จากส่วนแบ่งกำไรโดยเฉลี่ย 1.4 พันล้านบาทต่อปีเริ่มจาก ครึ่งหลังของ ปี 2555 ถึง ปี 2563
นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชฯ กล่าวว่า “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นมีสัดส่วนการลงทุนสูงถึงร้อยละ 50 ของการลงทุนทั้งหมดของลูกค้าของเหมราชฯ ใน10ไตรมาสล่าสุด สำหรับครึ่งปีแรก 2555 เรามียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม 1,447 ไร่ (572.1 เอเคอร์ หรือ 231.5 เฮคตาร์) ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 โดยมีจำนวนสัญญารวม 67 สัญญา เป็นลูกค้าใหม่ 44 ราย และเป็นการขยายโครงการของลูกค้าที่มีอยู่เดิม 23 ราย ซึ่งล้วนเป็นสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์ จากผลประกอบการดังกล่าวเราจึงได้ปรับเป้าการขายที่ดินอุตสาหกรรมปี 2555 เพิ่มเป็นครั้งที่ 3 เป็น 2,300 ไร่ (920 เอเคอร์ หรือ 368 เฮคตาร์) จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้แต่แรก 1,500 ไร่ (600 เอเคอร์ หรือ 240 เฮคตาร์)
ธุรกิจด้านพื้นที่ให้เช่ามีแนวโน้มเติบโตได้ดี บริษัทฯได้เริ่มโครงการเหมราชโลจิสติกพาร์คจำนวน 4 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในและรอบๆนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชฯทั้ง 3 แห่ง ในบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยบริษัทฯจะมีบริการที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ในครึ่งปีแรก 2555 การให้เช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและโลจิสติกพาร์คเพิ่มขึ้น 44,018 ตารางเมตร หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากยอดสะสมเมื่อสิ้นปี 2554 นอกจากนี้ยังมียอดรวมพื้นที่จากการเช่าล่วงหน้าอีก 31,565 ตารางเมตรซึ่งจะเริ่มสัญญาการเช่าในอีก 1-7 เดือนข้างหน้า เราจึงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า โดยภายในสิ้นปีนี้ จะมียอดการให้เช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น 95,000 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากยอดสะสมเมื่อสิ้นปี 2554”
นายเดวิด นาร์โดน กล่าวเสริมว่า “ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เหมราชฯมีกำไรสุทธิรวม 954.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 เท่ากับ 963.1 ล้านบาท เทียบกับ 93.5 ล้านบาทในช่วงดียวกันของปี 2554 ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลประกอบการตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2555”
“การขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศเนื่องจากความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต อัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ และทำเลที่ตั้งที่สามารถส่งออกไปได้ในหลายๆประเทศ ซึ่งจะเห็นได้จากยอดการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 34 ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน 2555 บริษัทฯจึงยังคงมุ่งมั่นลงทุนในธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ในครึ่งหลังของปี 2555 ไป เราคาดว่าธุรกิจของเหมราชฯจะเติบโตในทุกๆด้าน ทั้งการขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม การให้เช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูป และโลจิสติกพาร์ค การให้บริการด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ซึ่งจะทำให้รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ตามประมาณการ เมื่อเทียบกับรายได้รวม ณ สิ้นปี 2554” นายเดวิด กล่าวสรุป
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการบริษัท เหมราชฯ กล่าวว่า “สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัท มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ 6 ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันการรับรู้รายได้ซึ่งเกิดขึ้นจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 120 รายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 รายได้จากสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 49
ในส่วนการลงทุนด้านพลังงาน โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันขนาด 660 เมกกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา และจะทำให้เหมราชฯ มีรายได้จากส่วนแบ่งกำไรโดยเฉลี่ย 1.4 พันล้านบาทต่อปีเริ่มจาก ครึ่งหลังของ ปี 2555 ถึง ปี 2563
นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชฯ กล่าวว่า “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นมีสัดส่วนการลงทุนสูงถึงร้อยละ 50 ของการลงทุนทั้งหมดของลูกค้าของเหมราชฯ ใน10ไตรมาสล่าสุด สำหรับครึ่งปีแรก 2555 เรามียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม 1,447 ไร่ (572.1 เอเคอร์ หรือ 231.5 เฮคตาร์) ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 โดยมีจำนวนสัญญารวม 67 สัญญา เป็นลูกค้าใหม่ 44 ราย และเป็นการขยายโครงการของลูกค้าที่มีอยู่เดิม 23 ราย ซึ่งล้วนเป็นสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์ จากผลประกอบการดังกล่าวเราจึงได้ปรับเป้าการขายที่ดินอุตสาหกรรมปี 2555 เพิ่มเป็นครั้งที่ 3 เป็น 2,300 ไร่ (920 เอเคอร์ หรือ 368 เฮคตาร์) จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้แต่แรก 1,500 ไร่ (600 เอเคอร์ หรือ 240 เฮคตาร์)
ธุรกิจด้านพื้นที่ให้เช่ามีแนวโน้มเติบโตได้ดี บริษัทฯได้เริ่มโครงการเหมราชโลจิสติกพาร์คจำนวน 4 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในและรอบๆนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชฯทั้ง 3 แห่ง ในบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยบริษัทฯจะมีบริการที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ในครึ่งปีแรก 2555 การให้เช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและโลจิสติกพาร์คเพิ่มขึ้น 44,018 ตารางเมตร หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากยอดสะสมเมื่อสิ้นปี 2554 นอกจากนี้ยังมียอดรวมพื้นที่จากการเช่าล่วงหน้าอีก 31,565 ตารางเมตรซึ่งจะเริ่มสัญญาการเช่าในอีก 1-7 เดือนข้างหน้า เราจึงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า โดยภายในสิ้นปีนี้ จะมียอดการให้เช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น 95,000 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากยอดสะสมเมื่อสิ้นปี 2554”
นายเดวิด นาร์โดน กล่าวเสริมว่า “ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เหมราชฯมีกำไรสุทธิรวม 954.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 เท่ากับ 963.1 ล้านบาท เทียบกับ 93.5 ล้านบาทในช่วงดียวกันของปี 2554 ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลประกอบการตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2555”
“การขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศเนื่องจากความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต อัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ และทำเลที่ตั้งที่สามารถส่งออกไปได้ในหลายๆประเทศ ซึ่งจะเห็นได้จากยอดการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 34 ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน 2555 บริษัทฯจึงยังคงมุ่งมั่นลงทุนในธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ในครึ่งหลังของปี 2555 ไป เราคาดว่าธุรกิจของเหมราชฯจะเติบโตในทุกๆด้าน ทั้งการขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม การให้เช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูป และโลจิสติกพาร์ค การให้บริการด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ซึ่งจะทำให้รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ตามประมาณการ เมื่อเทียบกับรายได้รวม ณ สิ้นปี 2554” นายเดวิด กล่าวสรุป