ข่าวสารบริษัท
บริษัทเหมราชประกาศ รายได้จากการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2555: จำนวน 3,189 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 123
08/08/2555
- กำไรสุทธิครึ่งปีแรกปี 2555 จำนวน 954.5 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 963.1 ล้านบาท
- รวมยอดขายที่ดิน 1,447 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 88 ปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2555 เป็น 2,300 ไร่
บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรกปี 2555 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิ
ในไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 93.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 201 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.010 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 233 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 2 ปี 2555 เท่ากับ 232.3 ล้านบาท
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 954.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 50335 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554
การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิมาจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มีการเพิ่มขึ้นของยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมและการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น และยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจาก โครงการเก็คโค่-วัน เป็นจำนวน 8.6 ล้านบาท และ 94.9 ล้านบาทในปี 2555 และ 2554 ตามลำดับ กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 เท่ากับ 963.1 ล้านบาท
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัท มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ 6 ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันการรับรู้รายได้ซึ่งเกิดขึ้นจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 ซึ่งสะท้อนจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายได้รวมของบริษัทฯยังสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคร้อยละ 14 อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของกำลังการผลิตของโรงงานในปี 2554 และยังมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
การลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงแข็งแกร่ง รวมไปถึงธุรกิจขนส่ง อุตสหกรรมอิเล็กทอรนิกส์ อุตสาหกรรมสำหรับผู้บริโภค และอื่นๆ การเติบโตของการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2555 มีเป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่ 2.2 ล้านคัน และเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ถึง 3 ล้านคัน ในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า
นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ใน 10 ไตรมาสล่าสุด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯได้มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,447 ไร่ (578 เอเคอร์ หรือ 231 เฮคตาร์) โดยมีสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 67 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 44 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 23 ราย ส่งผลให้มีการเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2555 เป็นครั้งที่ 3 เป็น 2,300 ไร่ จากเป้าหมายเมื่อต้นปีที่ 1,500 ไร่
พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 31,038 ตารางเมตรหรือร้อยละ 20 จากปีสิ้นปี 2555 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 31,565 ตารางเมตร ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทั้งด้านการก่อสร้างและการตลาด บริษัทฯได้เริ่มโครงการเหมราช โลจิสติกส์พาร์คจำนวน 4 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในและรอบๆนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง ในบริเวณอีสเทิร์ทซีบอร์ดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,189.2 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 123 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 เนื่องมาจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น และมีรายได้สุทธิของผลการดำเนินงานจำนวน 954.5 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 963.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 93.5 ล้านบาท ของงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2554
สำหรับธุรกิจพลังงาน โครงการเกคโค่วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าไอพีพีขนาด 660 MW ได้เริ่มการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ซึ่งล้าช้ากว่าความคาดหมาย
นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ภาพรวมของรายได้และผลการดำเนินงานสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของรายได้จากโอกาสทางธุรกิจ
บริษัทฯ ตระหนักถึงความท้าทายอันเกิดจากสภาพเศรษฐกิจของโลกและความเป็นได้ของการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในประเทศไทยนั้นเกิดจากการย้ายฐานการลงทุนซึ่งเป็นเพราะต้นทุนของค่าเงินและความสามารถในการเข้าถึงตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ดีกว่า บริษัทฯ มีการบริหารและป้องกันความเสี่ยงของกำไรและเงินปันผลที่สามารถคาดการณ์ได้ที่ปรับปรุงอยู่เสมอ และบริษัทฯ ยังจะคงกลยุทธในการสร้างสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
รายได้รวมและผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรก ปี 2555
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,189.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 1,427.32 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 123 โดยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักจำนวน 3,202.4 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 120 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกปี 2555 มีจำนวน 2,102.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 ยังมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 3,244 ล้านบาท ด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ จากยอดขายที่ดินที่จะรอการรับรู้ในช่วง 3-24 เดือนข้างหน้า
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 664.6 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 14 ซึ่งเกิดจากปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมซึ่งรวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และเงินปันผลจากบริษัทร่วมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 673.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าโลจิสติกส์พาร์ค การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 340.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ลดลงเป็น 85.5 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 47
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,461.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 134 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 1,143.2 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 46% และ 36% ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญในครึ่งปีแรก ปี 2555
• บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 1,447 ไร่ จาก 67 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 44 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 23 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 519 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 784 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 177 รายจากจำนวน 274 สัญญา
• บริษัทฯ ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจพลังงาน โดยถือหุ้นร้อยละ 35 ในโครงการเกคโค่-วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้า ไอพีพี ได้เริ่มการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ในเดือนมีนาคมบริษัทฯ ได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น กับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังการผลิด 126MW ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมระยอง โดยบริษัทฯ จะเข้าถือหุ้น คิดเป็นอัตราร้อยละ 25
• พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรือ 31,038 ตารางเมตร จากสิ้นปี 2555 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 31,565 ตารางเมตร
• บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเข้าในกลุ่มดัชนี SET 50 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2555
• บริษัทฯ ซื้อที่ดิน 228.15 ไร่ บนเกาะล้าน พัทยา โดยจะพัฒนาเป็นโครงการที่ประกอบด้วยรีสอร์ทและสถานที่พักผ่อน
เหตุการณ์สำคัญหลังไตรมาส 2 ปี 2555
• คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2555
งบดุลรวมสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2555
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 22,769 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 12,806 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 9,963 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 1.07 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 2,130 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9
นาย เผ่าพิทยา สมุทรกลิน
ผู้อำนวยการ – นักลงทุนสัมพันธ์ และวางแผน
บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
ชั้น 18 อาคาร ยู เอ็ม เลขที่ 9 ถนน รามคำแหง
สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 ประเทศไทย
- รวมยอดขายที่ดิน 1,447 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 88 ปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2555 เป็น 2,300 ไร่
บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรกปี 2555 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิ
ในไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 93.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 201 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.010 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 233 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 2 ปี 2555 เท่ากับ 232.3 ล้านบาท
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 954.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 50335 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554
การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิมาจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มีการเพิ่มขึ้นของยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมและการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น และยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจาก โครงการเก็คโค่-วัน เป็นจำนวน 8.6 ล้านบาท และ 94.9 ล้านบาทในปี 2555 และ 2554 ตามลำดับ กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 เท่ากับ 963.1 ล้านบาท
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2555 บริษัท มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ 6 ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันการรับรู้รายได้ซึ่งเกิดขึ้นจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 ซึ่งสะท้อนจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายได้รวมของบริษัทฯยังสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคร้อยละ 14 อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของกำลังการผลิตของโรงงานในปี 2554 และยังมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
การลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงแข็งแกร่ง รวมไปถึงธุรกิจขนส่ง อุตสหกรรมอิเล็กทอรนิกส์ อุตสาหกรรมสำหรับผู้บริโภค และอื่นๆ การเติบโตของการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2555 มีเป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่ 2.2 ล้านคัน และเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ถึง 3 ล้านคัน ในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า
นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ใน 10 ไตรมาสล่าสุด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯได้มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,447 ไร่ (578 เอเคอร์ หรือ 231 เฮคตาร์) โดยมีสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 67 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 44 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 23 ราย ส่งผลให้มีการเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2555 เป็นครั้งที่ 3 เป็น 2,300 ไร่ จากเป้าหมายเมื่อต้นปีที่ 1,500 ไร่
พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 31,038 ตารางเมตรหรือร้อยละ 20 จากปีสิ้นปี 2555 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 31,565 ตารางเมตร ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทั้งด้านการก่อสร้างและการตลาด บริษัทฯได้เริ่มโครงการเหมราช โลจิสติกส์พาร์คจำนวน 4 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในและรอบๆนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง ในบริเวณอีสเทิร์ทซีบอร์ดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,189.2 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 123 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 เนื่องมาจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น และมีรายได้สุทธิของผลการดำเนินงานจำนวน 954.5 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 963.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 93.5 ล้านบาท ของงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2554
สำหรับธุรกิจพลังงาน โครงการเกคโค่วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าไอพีพีขนาด 660 MW ได้เริ่มการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ซึ่งล้าช้ากว่าความคาดหมาย
นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ภาพรวมของรายได้และผลการดำเนินงานสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของรายได้จากโอกาสทางธุรกิจ
บริษัทฯ ตระหนักถึงความท้าทายอันเกิดจากสภาพเศรษฐกิจของโลกและความเป็นได้ของการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในประเทศไทยนั้นเกิดจากการย้ายฐานการลงทุนซึ่งเป็นเพราะต้นทุนของค่าเงินและความสามารถในการเข้าถึงตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ดีกว่า บริษัทฯ มีการบริหารและป้องกันความเสี่ยงของกำไรและเงินปันผลที่สามารถคาดการณ์ได้ที่ปรับปรุงอยู่เสมอ และบริษัทฯ ยังจะคงกลยุทธในการสร้างสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
รายได้รวมและผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรก ปี 2555
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,189.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 1,427.32 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 123 โดยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักจำนวน 3,202.4 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 120 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกปี 2555 มีจำนวน 2,102.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 ยังมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 3,244 ล้านบาท ด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ จากยอดขายที่ดินที่จะรอการรับรู้ในช่วง 3-24 เดือนข้างหน้า
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 664.6 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 14 ซึ่งเกิดจากปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมซึ่งรวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และเงินปันผลจากบริษัทร่วมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 673.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าโลจิสติกส์พาร์ค การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 340.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ลดลงเป็น 85.5 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 47
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,461.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 134 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 1,143.2 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 46% และ 36% ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญในครึ่งปีแรก ปี 2555
• บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 1,447 ไร่ จาก 67 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 44 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 23 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 519 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 784 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 177 รายจากจำนวน 274 สัญญา
• บริษัทฯ ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจพลังงาน โดยถือหุ้นร้อยละ 35 ในโครงการเกคโค่-วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้า ไอพีพี ได้เริ่มการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ในเดือนมีนาคมบริษัทฯ ได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น กับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังการผลิด 126MW ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมระยอง โดยบริษัทฯ จะเข้าถือหุ้น คิดเป็นอัตราร้อยละ 25
• พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรือ 31,038 ตารางเมตร จากสิ้นปี 2555 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 31,565 ตารางเมตร
• บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเข้าในกลุ่มดัชนี SET 50 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2555
• บริษัทฯ ซื้อที่ดิน 228.15 ไร่ บนเกาะล้าน พัทยา โดยจะพัฒนาเป็นโครงการที่ประกอบด้วยรีสอร์ทและสถานที่พักผ่อน
เหตุการณ์สำคัญหลังไตรมาส 2 ปี 2555
• คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2555
งบดุลรวมสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2555
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 22,769 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 12,806 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 9,963 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 1.07 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 2,130 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9
นาย เผ่าพิทยา สมุทรกลิน
ผู้อำนวยการ – นักลงทุนสัมพันธ์ และวางแผน
บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
ชั้น 18 อาคาร ยู เอ็ม เลขที่ 9 ถนน รามคำแหง
สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 ประเทศไทย