ข่าวสารบริษัท

เหมราชฯ ปรับเพิ่มเป้าขายที่ดินปี 2556 เป็น 1,800 ไร่ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี

30/04/2556
พร้อมมุ่งพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าโลจิสติกส์ ควบคู่กับการขายที่ดินในนิคมทั้ง 7 แห่ง

กรุงเทพฯ / 30 เมษายน 2556 – บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศในที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ปรับเพิ่มเป้าขายที่ดินอุตสาหกรรมปี 2556 เป็น 1,800ไร่ (720 เอเคอร์ หรือ 288 เฮกตาร์) หลังผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2555 และต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกของปี 2556 โดยยืนยันแผนขยายงาน ทั้งในด้านการขายที่ดิน และการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปในนิคมอุตสาหกรรม ทั้ง 6 แห่ง และคลังเก็บสินค้าในโลจิสติกส์พาร์ค เหมราชฯ ยังพร้อมเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 7 ควบคู่ไปกับแผนการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน

7 นิคมฯ หนุนการเติบโตภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย ด้วยพื้นที่รวมทั้งสิ้น 36,137 ไร่ (14,500 เอเคอร์ หรือ 5,800 เฮกตาร์) นิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งของเหมราชฯ สามารถจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำกว่า 567 ราย สัญญารวม 856 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ถึง 190 ราย

ในเดือนที่ผ่านมา บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้ซื้อที่ดินจำนวน 131 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตระบบส่งกำลังรถยนต์แห่งใหม่ด้วยเงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโรงงานแห่งนี้จะเริ่มดำเนินกิจการในปี 2558 นอกจากมาสด้าแล้ว ยังมีผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่นๆ ได้ลงนามเซ็นสัญญาชื้อที่ดินกับเหมราชฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของการสร้างกลุ่มคลัสเตอร์ยานยนต์ในเขตอีสเทิร์นซีบอร์ดของประเทศไทย

นักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมักมีแผนการทำธุรกิจในระยะยาวอยู่แล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทำเลที่ตั้งโรงงาน โดยคำนึงถึงปัจจัยหลักทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่เหมาะสม ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี แผนการจัดการสิ่งแวดล้อมและนิคมที่มีประสิทธิภาพ ระบบสาธารณูปโภค และบริการที่เป็นเลิศ” นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าว “จุดมุ่งหมายของเราคือ ลูกค้าจะต้องได้รับบริการเหล่านี้จากนิคมอุตสาหกรรมของเหมราชฯ

ก่อนหน้านี้เหมราชฯ ตั้งเป้าขายที่ดินในปีนี้รวมทั้งสิ้น 1,600 ไร่ (640 เอเคอร์ หรือ 256 เฮกตาร์) แต่จากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 บริษัทฯ สามารถขายและให้เช่าที่ดินไปแล้วกว่า 421 ไร่ (168 เอเคอร์ หรือ 67 เฮกตาร์) ให้กับทั้งลูกค้ารายใหม่ และลูกค้าเดิมที่ต้องการขยายกิจการ อีกทั้งตัวเลขการลงทุนจากประเทศที่มีเข้ามาอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง เห็นจากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการทุนหรือบีโอไอที่มีการอนุมัติโครงการการลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2556 มูลค่ารวม 271,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่คาดว่าจะมีลูกค้าจำนวนมาก บริษัท ฯ จึงได้ปรับเป้าการขายที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมสำหรับปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 1,800ไร่ (720 เอเคอร์ หรือ 288 เฮกตาร์)

ระดับความต้องการโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้น

อีกหนึ่งประเภทธุรกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องคือ การพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าโลจิสติกส์เพื่อการขายหรือเช่า โดยสำหรับโรงงานสำเร็จรูปนั้นมีตั้งแต่ขนาด 450 - 10,000 ตารางเมตร ปัจจุบัน เหมราชฯ มีพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปรวมทั้งสิ้นราว 500,000 ตารางเมตร ซึ่งในจำนวนนี้ มีพื้นที่ที่ถูกเช่าแล้วคิดเป็นร้อยละ 55 ขายให้ลูกค้าแล้วร้อยละ 32 และอีกร้อยละ 13 เป็นพื้นที่ว่างหรือมีลูกค้าจองเช่าล่วงหน้า

ส่วนคลังสินค้าโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นธุรกิจล่าสุดของเหมราชฯ ปัจจุบันมีพื้นที่ให้เช่า ทั้งในส่วนที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและกำลังพัฒนารวมเกือบ 400,000 ตารางเมตร และมีลูกค้าลงนามสัญญาเช่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วงปีแรก เหมราชฯ จะสามารถปล่อยพื้นที่ให้เช่าในโลจิสติกส์พาร์ค ทั้ง 4 แห่งได้รวมทั้งสิ้น 100,000 ตารางเมตร

ธุรกิจเหล่านี้ นอกจากจะตรงกับความต้องการของลูกค้าและมีความยืดหยุ่น ปรับใช้งานได้ในหลายรูปแบบแล้ว ยังมีความสอดคล้องกันกับกลยุทธ์การสร้างรายได้จากหลายช่องทาง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่มั่นคง และสามารถคาดการณ์ผลประกอบการได้ดีขึ้น นายเดวิดกล่าว

ลงทุนต่อเนื่องในระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภค รวมถึงบริการที่เกี่ยวกับน้ำ นับตั้งแต่การผลิตน้ำประปาไปจนถึงการบำบัดน้ำเสีย ก็คาดว่าจะเติบโตที่อัตราร้อยละ 20 ในปีนี้

พร้อมกันนี้ เหมราชฯ ยังมีนโยบายที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานอย่างต่อเนื่อง เช่นโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่างเหมราชฯ และโกลว์ (จีดีเอ็ฟ ซูเอซ เอเนอร์จี อินเตอร์เนชั่นแนล) ในอัตราส่วนการถือหุ้น 35/65 ในขณะเดียวกัน เหมราชฯ ยังถือหุ้นในอัตราส่วนร้อยละ 25.01 ในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ ซึ่งพัฒนาร่วมกับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด โดยจะเริ่มต้นผลิตไฟฟ้าได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ นอกจากนี้เหมราชฯ ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กอีก 7 แห่ง โดยแต่ละแห่งจะมีกำลังการผลิตขนาด 120 เมกะวัตต์

ประเทศไทยยังคงเป็นฐานการพัฒนาทางอุตสาหกรรมที่โดดเด่น เนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เกื้อหนุนการลงทุน ความสะดวกในการเข้าถึงตลาด ต้นทุนการดำเนินงานที่สมเหตุสมผล และโครงสร้างพื้นฐานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในแผนธุรกิจและผลประกอบการ ทั้งในปีนี้และปีต่อๆไป นายเดวิดเสริม

เกี่ยวกับเหมราช

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล

ปัจจุบัน เหมราชฯ ได้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 7 แห่ง โดยมีที่ดินรวมประมาณ 36,137 ไร่ (14,500 เอคอร์ หรือ 5,800 เฮกตาร์) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมีและกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ประกอบไปด้วยลูกค้าชั้นนำ 567 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางด้านยานยนต์ 190 ราย มีสัญญาด้านยานยนต์จำนวน 294 สัญญา มีสัญญาที่ดินและโรงงานจำนวน 856 สัญญา คิดเป็นมูลค่าการลงทุนจากลูกค้า 2.5 หมื่นล้านบาท

เหมราชฯ ได้รับการประเมินว่าเป็นบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปี 2555

รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9
นาย เผ่าพิทยา สมุทรกลิน
ผู้อำนวยการ – นักลงทุนสัมพันธ์ และวางแผน
บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
ชั้น 18 อาคาร ยู เอ็ม เลขที่ 9 ถนน รามคำแหง สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 ประเทศไทย