ข่าวสารบริษัท

บริษัทเหมราชฯ ประกาศ - รายได้จากการดำเนินงานปี 2556 จำนวน 8,769.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37

28/02/2557
- กำไรสุทธิปี 2556 จำนวน 4,338.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 90
- (กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 4,661.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 121)

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2556 สรุปได้ดังนี้

กำไรสุทธิ

ในไตรมาส 4 ปี 2556 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,252.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 227 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้สุทธิสำหรับไตรมาส 4 ปี 2556 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกำไรจากการขายทรัพย์สินและสัญญาเช่าระยะยาวจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียลในไตรมาสนี้จำนวน 1,458.6 ล้านบาท สุทธิจากประมาณการหนี้สินจากการค้ำประกันรายได้ ภาษีเงินได้ และ ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.232 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 227 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2555 และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 4 ปี 2556 จำนวน 2,466.4 ล้านบาท (ไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 213.8 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 274

สำหรับปี 2556 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 4,338.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.447 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 90 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555 การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิสำหรับปี 2556 มาจากรายได้ของธุรกิจหลักคือนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า สาธารณูปโภค และพลังงาน และกำไรพิเศษจากการขายและให้เช่าภายใต้สัญญาเช่าทางการเงินจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฯที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2556

ในปี 2556 บริษัทฯ มีกำไรจากบริษัทร่วมทุน (ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) จำนวน 882.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555 บริษัทฯ มีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการลงทุนด้านพลังงาน (โครงการเก็คโค่-วัน และโครงการกัลฟ์ เจพี เอ็นแอลแอล) จำนวน -323.4 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 177.9 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับปี 2556 เท่ากับ 4,661.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 121

นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า “โดยรวมบริษัทฯ มีผลประกอบการในปี 2556 ที่ดีโดยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 8,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 กำไรจากการดำเนินงานจำนวน 6,036.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 132 คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ( Adjust EBITDA Margin) เท่ากับร้อยละ 43 และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 4,661.9 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับการตลาดที่เอื้ออำนวยสำหรับการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) เป็นครั้งแรก

รายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 รายได้จากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 เช่นเดียวกับรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 552 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำหรับปี 2556 บริษัทฯ สามารถขายที่ดินอุตสาหกรรมไปแล้วกว่า 2,200 ไร่ (880 เอเคอร์ หรือ 352 เฮกตาร์ จากสัญญาจำนวน 101 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 60 ราย และการขยายกิจการของลูกค้าเดิมจำนวน 41 ราย ลูกค้ารายใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ ชลบุรีพาวเวอร์ โดย ชลบุรีพาวเวอร์ เป็นโครงการโรงไฟฟ้าอิสระกำลังการผลิต 2,500 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2564 อีกทั้งตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการทุนหรือบีโอไอที่มีการอนุมัติโครงการการลงทุนปี 2556 มูลค่ารวม 1,027,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำหรับธุรกิจพลังงาน โรงงานผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กแห่งแรกขนาด 126 เมกกะวัตต์ ที่เหมราชได้ร่วมลงทุนกับ กัลฟ์ เจพี เอ็นแอลแอล (GJPNLL) ได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงไฟฟ้า เก็คโค่-วัน โครงการโรงไฟฟ้าอิสระกำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ ที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 35 ซึ่งมีปัญหาการผลิตในช่วงต้น ได้กลับมาดำเนินการผลิตกระเสไฟฟ้าตามปกติและประสบความสำเร็จในการดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เกือบร้อยละ 100 ในปลายปี 2556 โดยคาดว่าทั้ง 2 โครงการจะสร้างกำไรให้กับบริษัทฯเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) ได้ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวกองทุนดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2556 ด้วยมูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท โดยจะลงทุนในกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ (Freehold) มูลค่า 3,220 ล้านบาท และสิทธิการเช่า (Leasehold) มูลค่า 1,480 ล้านบาท รวมพื้นที่ทั้งหมด 150,117 ตารางเมตร บริษัทฯรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินและสัญญาเช่าระยะยาวจำนวน 2,527.2 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี2556 หรือกำไรสุทธิ 1,458.6 ล้านบาทหลังจากหักประมาณการหนี้สินจากการค้ำประกันรายได้ ภาษีเงินได้ และ ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

ถึงแม้ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองซึ่งมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการปฎิบัติงานของรัฐบาล ขณะที่ไม่มีผลกระทบโดยตรงกับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท แต่ส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อระยะเวลาการลงทุน ซึ่งบริษัทฯได้ติดตามและปรับปรุงแผนธุรกิจด้วยความระมัดระวัง

การลงทุนของบริษัทฯ มีการเติบโตที่สมดุลในธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2556 ของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนารายได้และกำไรอย่างสมดุลและสม่ำเสมอ โดยกลยุทธ์ของบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นหลัก”

รายได้รวมและผลการดำเนินงาน ปี 2556

สำหรับปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 8,769.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 6,399.4 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 โดยรายได้มาจากธุรกิจหลักจำนวน 8,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรายได้การขายที่ดินอุตสาหกรรมในปี 2556 มีจำนวน 5,770.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 และอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 48 ทั้งนี้ยังมีรายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกจำนวน 2,907 ล้านบาท ในช่วง 3-24 เดือนข้างหน้าด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน

รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1,568.2 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 13 ซึ่งเกิดจากปริมาณและอัตราการใช้สาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจากระบบสาธารณูปโภคซึ่งรวมถึงรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม เงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และรายได้จากระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 1,646.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้น 1,011.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เพิ่มขึ้น 419.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 63

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 4,187.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 6,036.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 132 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่แข็งแกร่ง ร้อยละ 48 และร้อยละ 69 ตามลำดับ

เหตุการณ์สำคัญ ปี 2556
• บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 2,200 ไร่ จาก 101 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 60 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 41 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 615 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 933 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 215 รายจากสัญญาซื้อขายจำนวน 329 สัญญา
• พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นสุทธิ 61,559 ตารางเมตร หรือร้อยละ 26 จากปี 2555 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 297,368 ภายใต้การเช่าของบริษัทเหมราช 175,274 ตารางเมตร และภายใต้การเช่าของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) 122,094 ตารางเมตร
• กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล หรือ HPF ได้ประสบความสาเร็จในการเปิดตัวกองทุนดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2556 ด้วยมูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท โดยจะลงทุนในกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ (Freehold) มูลค่า 3,220 ล้านบาท และสิทธิการเช่า (Leasehold) มูลค่า 1,480 ล้านบาท รวมพื้นที่ทั้งหมด 150,117 ตารางเมตร
• พื้นที่เช่าของคลังสินค้าเพิ่มขึ้น 55,325 ตารางเมตร จากสิ้นปี 2555 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 72,145 ตารางเมตร

งบดุลรวมสำหรับงวด 12 เดือน สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 33,434 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 18,778 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 14,656 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 0.95 เท่า โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเป็นจำนวน 4,780 ล้านบาท