ข่าวสารบริษัท
บริษัทเหมราชฯ ประกาศ - รายได้จากการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2557 จำนวน 4,285.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2
13/08/2557
- รายได้จากการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2557 จำนวน 4,285.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2
- กำไรสุทธิครึ่งปีแรก ปี 2557 สร้างสถิติใหม่ด้วยจำนวน 2,059.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41
- (กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ1,996.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31)
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรกของ ปี 2557 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิ
ในไตรมาส 2 ปี 2557 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,017.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 82 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.105 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 82 และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 2 ปี 2557 จำนวน 1,014 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.3 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,059.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.212บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ ได้บันทึกรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค (ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) จำนวน 913.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 208 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) จำนวน 39 ล้านบาท บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการลงทุนด้านพลังงาน (โครงการเก็คโค่-วัน และโครงการกัลฟ์ เจพี เอ็นแอลแอล) จำนวน 62.7 ล้านบาท เปรียบเทียบกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 58.6 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2557 เท่ากับ 1,996.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า “โดยภาพรวมบริษัทฯ มีผลประกอบการครึ่งปีแรก ปี 2557 ที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวมใกล้เคียงกับปีก่อนแต่มีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติศาสตร์ ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 4,294.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 1,996.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31
ถึงแม้จะมีผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง บรรยากาศการลงทุนที่ซบเซา และความล่าช้าในการอนุมัติโครงการสนับสนุนการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วงครึ่งปีแรกของ ปี 2557 บริษัทฯสามารถขายที่ดินอุตสาหกรรมได้จำนวน 297 ไร่ (118 เอเคอร์ หรือ 48 เฮกตาร์) จากสัญญาจำนวน 20 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 13 ราย และการขยายกิจการของลูกค้าเดิมจำนวน 7 ราย สะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดดังที่กล่าวมา
การลงทุนจากต่างประเทศที่ได้รับการอนุมัติจากโครงการสนับสนุนการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จำนวน 185.4 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 อย่างไรก็ตามยังมีโครงการที่รออนุมัติการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อีกจำนวน 484 พันล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงเนื่องจากมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ชุดใหม่
ผลประกอบการรายได้รวมของบริษัทฯ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ รายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ6 เป็นผลดีจากยอดขายที่ดินก่อนหน้านี้และรายได้ที่รอการรับรู้ในปี 2555 และปี 2556 ที่สูง รายได้รวมจากอสังหาริมทรัพย์สำหรับเช่าลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากโรงงานบางส่วนได้ถูกขายให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) เมื่อสิ้นปี 2556 และความต้องการด้านกำลังการผลิตที่ลงลด ส่วนรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม (ไม่รวมพลังงาน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงราคาและปริมาณการใช้ที่เติบโตขึ้น
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน โครงการโรงไฟฟ้าอิสระกำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ (IPP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เหมราชถือหุ้นร้อยละ 35 และบริษัทโกลว์เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 65 (จีดีเอฟ ซุเอซ กรุ๊ป) หลังจากประสบปัญหาเล็กน้อยในช่วงระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา ก็สามารถดำเนินการผลิตกระเสไฟฟ้าได้เกือบร้อยละ 99 ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนสูงขึ้นเนื่องจากมีกำลังการผลิตมากขึ้น การจ่ายโหลดการผลิตกระแสไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวน 35 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนที่เพิ่มขึ้นเป็น 913 ล้าน บาทสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2557 จาก 297 ล้านบาท ในปี2556
นอกจากนี้แล้ว เหมราชฯ ยังมีแผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังการผลิต 126 เมกกะวัตต์ (SPP) อีก 7 โครงการ ในสัดส่วนร้อยละ 25.01 หลังจากที่โครงการได้มีข้อตกลงทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายในสิ้นปี 2557 นี้
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (NCPO) ได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อคืนความสงบสุข ความปลอดภัย ความเชื่อมั่นและการเติบโตในเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมถึงการจ่ายค่าจำนำข้าวให้แก่ชาวนา งบประมาณการเบิกจ่าย การรื้อฟื้นการลงทุนระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ การแก้ปัญหาการทุจริต และอยู่ในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ การส่งออกมีการเติบโตขึ้น รวมถึงกลุ่มยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ความต้องการในการบริโภคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศและการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว แม้ว่าในช่วงครึ่งแรก ปี 2557 การรับจ้างผลิต (OEM) ของกลุ่มยานยนต์ลดลงร้อยละ 29 และความต้องการในการรับจ้างผลิต (OEM) ของกลุ่มยานยนต์ในประเทศลดลงร้อยละ 40 ส่งผลกระทบต่อโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่าและการขยายนิคมอุตสาหกรรมจากฐานลูกค้าเก่า สำหรับการลงทุนใหม่และการลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวจากนักลงทุนต่างชาติที่สูงขึ้น และการนำมาซ่งอัตราความต้องการด้านนิคมอุตสาหกรรมที่มากกว่าปกติ
เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจดังกล่าว บริษัทฯ มีการปรับยอดขายที่ดินอุตสาหกรรม ปี 2557 เป็น 1,200 ไร่ (480 เอเคอร์ หรือ 192 เฮกเตอร์) จาก 1,600 ไร่ (640 เอเคอร์ หรือ 256 เฮกเตอร์) ลูกค้าใหม่ 35 ราย และสัญญาที่ดินและโรงงานใหม่อีก 50 ฉบับ รวมทั้งลดเป้าหมายพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่าเป็น 40,000 และ 20,000 ตารางเมตรสุทธิจากพื้นที่ที่ปล่อยเช่าทั้งหมดในปีนี้
การลงทุนในประเทศไทยและกลยุทธ์ทางธุรกิจของเหมราชยังคงเป็นที่น่าสนใจในระยะยาว ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสาหรับการตั้งฐานการผลิต และการเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ ทั้งต้นทุน โครงสร้างพื้นฐานที่ดี และการขยายเข้าถึงตลาด การกลับคืนสู่สภาวะปกติของธุรกิจจะช่วยเพิ่มรายได้ที่รอการรับรู้และรายได้สำคัญของบริษัท
การลงทุนของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างสมดุลในธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผลการดำเนินงานสำหรับช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรก ปี 2557 ของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนารายได้และกำไรอย่างสมดุลและสม่ำเสมอ โดยกลยุทธ์ของบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นหลัก”
รายได้รวมและผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ปี 2557
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรก ปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,285.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 4,365.6 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2556 ลดลงร้อยละ 2 โดยรายได้มาจากธุรกิจหลักมีจำนวน 4,294.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 โดยรายได้การขายที่ดินอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรก ปี 2557 มีจำนวน 2,758.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 6 และ อัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 52 ทั้งนี้ยังมีรายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกจำนวน 1,052 ล้านบาทที่รอการรับรู้ในช่วง 3-18 เดือนข้างหน้าด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 870.1 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 12 เนื่องจากมีปริมาณและอัตราการใช้สาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจากระบบสาธารณูปโภคซึ่งรวมถึงรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม เงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และรายได้จากระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 896.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12
รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเป็นจำนวน 427.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปจำนวน 76.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 26 อย่างไรก็ตามรายได้จากคลังสินค้าให้เช่ามีการเพิ่มขึ้น 35.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 110 และรายได้จากการให้เช่าสำนักงานมีการเพิ่มขึ้น 9.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เนื่องจากอัตราการเช่าเฉลี่ยที่สูงขึ้น ส่วนรายได้จากการขายโครงการที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น 211.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 2,088.7 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 1,848.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่แข็งแกร่ง ร้อยละ 49 และร้อยละ 43 ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญใน 6 เดือนแรก ปี 2557
· บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 297 ไร่ จาก 20 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 13 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 7 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 628 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 953 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 218 รายจากสัญญาซื้อขายจำนวน 334 สัญญา
· พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,161 ตารางเมตร หรือร้อยละ 1 จากปี 2556 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 298,529 ภายใต้การเช่าของบริษัทเหมราช 179,392 ตารางเมตร และภายใต้การเช่าเมื่อสิ้นปี 2556 ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) 119,137 ตารางเมตร
· พื้นที่เช่าของคลังสินค้ารวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 72,145 ตารางเมตร
· บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้ในไตรมาส 2 ปี 2557 จำนวน 2,500 ล้านบาท อายุ10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.75
งบดุลรวมสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2557
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 33,645 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 18,494 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 15,151 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 0.99 เท่า โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเป็นจำนวน 3,433 ล้านบาท
- กำไรสุทธิครึ่งปีแรก ปี 2557 สร้างสถิติใหม่ด้วยจำนวน 2,059.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41
- (กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ1,996.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31)
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรกของ ปี 2557 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิ
ในไตรมาส 2 ปี 2557 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,017.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 82 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.105 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 82 และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 2 ปี 2557 จำนวน 1,014 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.3 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,059.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.212บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกปี 2557 บริษัทฯ ได้บันทึกรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค (ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) จำนวน 913.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 208 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) จำนวน 39 ล้านบาท บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการลงทุนด้านพลังงาน (โครงการเก็คโค่-วัน และโครงการกัลฟ์ เจพี เอ็นแอลแอล) จำนวน 62.7 ล้านบาท เปรียบเทียบกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 58.6 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2557 เท่ากับ 1,996.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า “โดยภาพรวมบริษัทฯ มีผลประกอบการครึ่งปีแรก ปี 2557 ที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวมใกล้เคียงกับปีก่อนแต่มีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติศาสตร์ ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 4,294.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ 1,996.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31
ถึงแม้จะมีผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง บรรยากาศการลงทุนที่ซบเซา และความล่าช้าในการอนุมัติโครงการสนับสนุนการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วงครึ่งปีแรกของ ปี 2557 บริษัทฯสามารถขายที่ดินอุตสาหกรรมได้จำนวน 297 ไร่ (118 เอเคอร์ หรือ 48 เฮกตาร์) จากสัญญาจำนวน 20 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 13 ราย และการขยายกิจการของลูกค้าเดิมจำนวน 7 ราย สะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดดังที่กล่าวมา
การลงทุนจากต่างประเทศที่ได้รับการอนุมัติจากโครงการสนับสนุนการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จำนวน 185.4 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 อย่างไรก็ตามยังมีโครงการที่รออนุมัติการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อีกจำนวน 484 พันล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงเนื่องจากมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ชุดใหม่
ผลประกอบการรายได้รวมของบริษัทฯ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ รายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ6 เป็นผลดีจากยอดขายที่ดินก่อนหน้านี้และรายได้ที่รอการรับรู้ในปี 2555 และปี 2556 ที่สูง รายได้รวมจากอสังหาริมทรัพย์สำหรับเช่าลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากโรงงานบางส่วนได้ถูกขายให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) เมื่อสิ้นปี 2556 และความต้องการด้านกำลังการผลิตที่ลงลด ส่วนรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม (ไม่รวมพลังงาน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงราคาและปริมาณการใช้ที่เติบโตขึ้น
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน โครงการโรงไฟฟ้าอิสระกำลังการผลิต 660 เมกกะวัตต์ (IPP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เหมราชถือหุ้นร้อยละ 35 และบริษัทโกลว์เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 65 (จีดีเอฟ ซุเอซ กรุ๊ป) หลังจากประสบปัญหาเล็กน้อยในช่วงระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา ก็สามารถดำเนินการผลิตกระเสไฟฟ้าได้เกือบร้อยละ 99 ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนสูงขึ้นเนื่องจากมีกำลังการผลิตมากขึ้น การจ่ายโหลดการผลิตกระแสไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวน 35 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมการใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนที่เพิ่มขึ้นเป็น 913 ล้าน บาทสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2557 จาก 297 ล้านบาท ในปี2556
นอกจากนี้แล้ว เหมราชฯ ยังมีแผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังการผลิต 126 เมกกะวัตต์ (SPP) อีก 7 โครงการ ในสัดส่วนร้อยละ 25.01 หลังจากที่โครงการได้มีข้อตกลงทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายในสิ้นปี 2557 นี้
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (NCPO) ได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อคืนความสงบสุข ความปลอดภัย ความเชื่อมั่นและการเติบโตในเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมถึงการจ่ายค่าจำนำข้าวให้แก่ชาวนา งบประมาณการเบิกจ่าย การรื้อฟื้นการลงทุนระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ การแก้ปัญหาการทุจริต และอยู่ในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ การส่งออกมีการเติบโตขึ้น รวมถึงกลุ่มยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ความต้องการในการบริโภคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศและการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว แม้ว่าในช่วงครึ่งแรก ปี 2557 การรับจ้างผลิต (OEM) ของกลุ่มยานยนต์ลดลงร้อยละ 29 และความต้องการในการรับจ้างผลิต (OEM) ของกลุ่มยานยนต์ในประเทศลดลงร้อยละ 40 ส่งผลกระทบต่อโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่าและการขยายนิคมอุตสาหกรรมจากฐานลูกค้าเก่า สำหรับการลงทุนใหม่และการลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวจากนักลงทุนต่างชาติที่สูงขึ้น และการนำมาซ่งอัตราความต้องการด้านนิคมอุตสาหกรรมที่มากกว่าปกติ
เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจดังกล่าว บริษัทฯ มีการปรับยอดขายที่ดินอุตสาหกรรม ปี 2557 เป็น 1,200 ไร่ (480 เอเคอร์ หรือ 192 เฮกเตอร์) จาก 1,600 ไร่ (640 เอเคอร์ หรือ 256 เฮกเตอร์) ลูกค้าใหม่ 35 ราย และสัญญาที่ดินและโรงงานใหม่อีก 50 ฉบับ รวมทั้งลดเป้าหมายพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่าเป็น 40,000 และ 20,000 ตารางเมตรสุทธิจากพื้นที่ที่ปล่อยเช่าทั้งหมดในปีนี้
การลงทุนในประเทศไทยและกลยุทธ์ทางธุรกิจของเหมราชยังคงเป็นที่น่าสนใจในระยะยาว ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสาหรับการตั้งฐานการผลิต และการเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ ทั้งต้นทุน โครงสร้างพื้นฐานที่ดี และการขยายเข้าถึงตลาด การกลับคืนสู่สภาวะปกติของธุรกิจจะช่วยเพิ่มรายได้ที่รอการรับรู้และรายได้สำคัญของบริษัท
การลงทุนของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างสมดุลในธุรกิจหลัก อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผลการดำเนินงานสำหรับช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรก ปี 2557 ของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนารายได้และกำไรอย่างสมดุลและสม่ำเสมอ โดยกลยุทธ์ของบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นหลัก”
รายได้รวมและผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ปี 2557
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรก ปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,285.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 4,365.6 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2556 ลดลงร้อยละ 2 โดยรายได้มาจากธุรกิจหลักมีจำนวน 4,294.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 โดยรายได้การขายที่ดินอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรก ปี 2557 มีจำนวน 2,758.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 6 และ อัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 52 ทั้งนี้ยังมีรายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกจำนวน 1,052 ล้านบาทที่รอการรับรู้ในช่วง 3-18 เดือนข้างหน้าด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 870.1 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 12 เนื่องจากมีปริมาณและอัตราการใช้สาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจากระบบสาธารณูปโภคซึ่งรวมถึงรายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม เงินปันผลจากบริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และรายได้จากระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 896.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12
รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเป็นจำนวน 427.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปจำนวน 76.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 26 อย่างไรก็ตามรายได้จากคลังสินค้าให้เช่ามีการเพิ่มขึ้น 35.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 110 และรายได้จากการให้เช่าสำนักงานมีการเพิ่มขึ้น 9.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เนื่องจากอัตราการเช่าเฉลี่ยที่สูงขึ้น ส่วนรายได้จากการขายโครงการที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น 211.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 2,088.7 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 1,848.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่แข็งแกร่ง ร้อยละ 49 และร้อยละ 43 ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญใน 6 เดือนแรก ปี 2557
· บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 297 ไร่ จาก 20 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 13 ราย และจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 7 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 628 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 953 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 218 รายจากสัญญาซื้อขายจำนวน 334 สัญญา
· พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,161 ตารางเมตร หรือร้อยละ 1 จากปี 2556 รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 298,529 ภายใต้การเช่าของบริษัทเหมราช 179,392 ตารางเมตร และภายใต้การเช่าเมื่อสิ้นปี 2556 ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล (HPF) 119,137 ตารางเมตร
· พื้นที่เช่าของคลังสินค้ารวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 72,145 ตารางเมตร
· บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้ในไตรมาส 2 ปี 2557 จำนวน 2,500 ล้านบาท อายุ10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.75
งบดุลรวมสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2557
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 33,645 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 18,494 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 15,151 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 0.99 เท่า โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเป็นจำนวน 3,433 ล้านบาท