Articles

AGENTIC AI

13/01/2025

คุณจรีพร จารุกรสกุล

ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตประจำวัน ทุกวันนี้เราใช้งาน AI โดยอาจไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเส้นทาง แปลภาษา หรือทำงานต่างๆ เทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้เข้ามามีบทบาททั้งการอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับชีวิตของเราอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรม AI เองก็มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด นักวิจัยและนักพัฒนาต่างมุ่งสร้าง AI ที่ฉลาด มีจริยธรรม และสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเทรนด์สำคัญของปี 2025 ที่หลายฝ่ายพูดถึงคือ การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถทำงานอย่างอิสระ หรือ Agentic AI นั่นเอง

ทั้งนี้ Agentic AI ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการช่วยขยายขอบเขตความสามารถการแก้ปัญหาและยกระดับการคิดวิเคราะห์ของปัญญาประดิษฐ์ไปสู่ระดับใหม่ เนื่องจาก Agentic AI แตกต่างจาก AI แบบดั้งเดิมที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานตามคำสั่งที่ได้รับจากมนุษย์จึงทำให้ AI โดยทั่วไปไม่มีความสามารถในการตัดสินใจ และจะทำตามขั้นตอนที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนในอัลกอริทึมเท่านั้น รวมถึง AI ส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีความสามารถในการทำงานเฉพาะด้านแต่ก็ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้

ในทางตรงกันข้าม Agentic AI เปรียบเสมือนกับผู้ช่วยอัจฉริยะที่มีความสามารถในการคิดและตัดสินใจได้เองผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากสภาพแวดล้อมโดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ โดย Agentic AI จะเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อนำไปวางแผนและเลือกใช้เครื่องมือได้อย่างยืดหยุ่น ตลอดจนมีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายในการทำงานโดยการเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละสถานการณ์จึงทำให้ Agentic AI สามารถรองรับกระบวนการทำงานที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

Gartner บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระดับโลกก็ยกให้ Agentic AI เป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามองที่สุดของปี 2025 โดย Gartner เปรียบเทียบ Agentic AI ว่าเป็นแรงงานเสมือนจริงที่สามารถช่วยลดภาระงาน เพิ่มศักยภาพการทำงานของมนุษย์ ตลอดจนช่วยเสริมพลังการทำงานของ AI แบบดั้งเดิมให้มีความฉลาดและอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Gartner ก็ได้ยกตัวอย่าง Use Case ของ Agentic AI ที่ปัจจุบันมีความก้าวหน้าจนสามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากมนุษย์ อาทิ Self-driving car, Robotic Process Automation (RPA), Virtual Assistants เป็นต้น นอกจากนั้น Gartner ยังคาดการณ์อีกว่าภายในปี 2028 หนึ่งในสามหรือกว่า 33% ของ Enterprise Software ทั่วโลกจะมีการใช้งาน Agentic AI เพิ่มขึ้นจากปี 2024 ที่มีเพียง 1% รวมถึงอย่างน้อย 15% ของการตัดสินใจในงานประจำวันจะดำเนินการโดย AI อีกด้วย ในขณะที่ฝั่งบิ๊กเทคก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อตอบรับเทรนด์นี้เช่นกัน Google เปิดตัวโมเดลเรือธง Gemini 2.0 ที่บริษัทระบุว่าเป็นการเข้าสู่ยุค Agentic อย่างเป็นทางการ หรือ Microsoft ปล่อย AI Agents ใหม่ 10 ตัวบนชุดแอปพลิเคชัน Microsoft Dynamics 365 เพื่อเปิดให้องค์กรปรับแต่งและสร้างผู้ช่วยอัตโนมัติได้อย่างอิสระ เป็นต้น

Agentic AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานโดยเฉพาะงานที่ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วและการปรับตัวอย่างฉับไวตามสถานการณ์ ซึ่งการนำ Agentic AI มาใช้ก็ไม่ได้หมายถึงการนำ AI มาแทนที่มนุษย์แต่เป็นการสร้างความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี การขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาศักยภาพของบุคลากรควบคู่ไปกับการปลูกฝังวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์ผู้มีความคิดสร้างสรรค์และปัญญาประดิษฐ์ที่ทรงประสิทธิภาพเพื่อนำมาซึ่งนวัตกรรมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน