Articles
CLIMATE ACTION
03/02/2025คุณจรีพร จารุกรสกุล
ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลกที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยการประชุม COP29 ที่เพิ่งผ่านไปสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่มากขึ้นของทุกฝ่ายในการตอบสนองต่อวิกฤตนี้ โดยเฉพาะในประเด็นการบรรลุข้อตกลงจัดสรรงบประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้จะมีความเห็นว่างบประมาณดังกล่าวอาจยังไม่เพียงพอ แต่นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความร่วมมือของประชาคมโลกในการเผชิญวิกฤตนี้ร่วมกัน
นอกจากความพยายามในการขับเคลื่อนของประชาคมโลกผ่านองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ตลอดช่วงที่ผ่านมา ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ก็มีการเร่งปรับตัวโดยมุ่งเน้นการเติบโตควบคู่ไปกับเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน จากการศึกษาตัวอย่างในต่างประเทศพบว่า หลายองค์กรกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง สอดคล้องกับผลสำรวจของ Deloitte ที่เผยว่า 85% ของผู้บริหารบริษัทชั้นนำทั่วโลกได้เพิ่มการลงทุนในด้านนี้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น Barclays Bank ที่วางแผนลงทุนด้าน Sustainable Impact Capital ให้ถึง 175 ล้านปอนด์ภายในปี 2025 พร้อมยุติการสนับสนุนโครงการที่ขัดต่อความยั่งยืนและกำหนดเงื่อนไขให้ผู้กู้ปฏิบัติตามเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ หรือบริษัท IKEA มุ่งใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในทุกโรงงาน พร้อมใช้วัสดุไม้รีไซเคิลมากถึง 99.5% ในการผลิตสินค้า เป็นต้น
สำหรับประเทศไทย แม้จะมีอันดับที่ลดลงเล็กน้อยจากการจัดอันดับ SDG Index ประจำปี 2024 ของ 167 ประเทศทั่วโลก โดยเลื่อนจากอันดับที่ 43 ในปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่อันดับ 45 แต่ยังคงมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ อีกทั้งยังครองตำแหน่งอันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียนเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน (2019 – 2024) อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังต้องเผชิญความท้าทายในด้านการบรรลุเป้าหมาย SDGs โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และพลังงานสะอาด ตลอดจนการสร้างความตระหนักรู้ในระดับชุมชนและการส่งเสริมเทคโนโลยีสะอาดที่ยังคงเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ท่ามกลางความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ภาคเอกชนของไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น WHA Group ที่เดินหน้าพันธกิจ “The Ultimate Solution for Sustainable Growth” ที่ยึดหลักความสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ และการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยกลุ่มบริษัทฯ มีความพยายามอย่างหลากหลายเพื่อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมชาติ อาทิ การส่งเสริมพลังงานทางเลือกจากขยะอุตสาหกรรม (Waste-to-Energy) การสนับสนุนการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ พร้อมพัฒนาระบบ Peer-to-Peer Energy Trading ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากรพลังงาน รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI ในการวางแผนและตรวจสอบเพื่อลดการสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการ “MOBILIX” โซลูชันด้านกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรที่ช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและประหยัดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ให้ธุรกิจ ตลอดจนการดำเนินโครงการ Circular economy ผ่านการพัฒนากระบวนการต่าง ๆ ภายในของเราให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาครัฐที่ต้องสนับสนุนเชิงนโยบาย ภาคธุรกิจที่ลงทุนในนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ไปจนถึงประชาชนที่มีความตระหนักรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือที่แข็งแกร่งจากทุกฝ่ายจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนและสามารถรับมือกับวิกฤตโลกร้อนได้ในระยะยาว