Articles
TRILLION DOLLAR COACH
16/12/2020ผู้นำองค์กรเปรียบเสมือนวาทยากรของวงออร์เคสตร้าที่เป็นผู้มองเห็นภาพรวมของวงและสามารถดึงจุดเด่นของนักดนตรีแต่ละคนมาสร้างสรรค์เป็นบทเพลงที่ไพเราะ เช่นเดียวกันกับโค้ชที่เป็นผู้หลอมรวมบุคลากรที่มีความสามารถเข้าด้วยกันจนกลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม
Trillion Dollar Coach เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อถ่ายทอดหลักการและจิตวิญญาณการเป็นโค้ชของบิล แคมป์เบลล์ ผู้เป็น “The Coach of Silicon Valley” ที่อยู่เคียงข้างสตีฟ จ็อบส์/ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ Google ได้แก่ อีริก ชมิดต์, โจนาธาน โรเซนเบิร์ก และ อลัน อีเกิล รวมถึง CEO ของบริษัทใน Silicon Valley อีกนับไม่ถ้วน บิลเริ่มต้นเส้นทางการทำงานด้วยการเป็นโค้ชอเมริกันฟุตบอลและตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจตอนอายุ 39 ปี โดยใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทระดับโลก อาทิ Apple, Intuit และในขณะที่บิลกำลังมองหาความท้าทายใหม่ เขาก็ได้รับเชิญให้ไปเป็นทีมโค้ชของ Venture Capital ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา บิลจึงกลับมาเป็นโค้ชเต็มตัวอีกครั้งและได้รับยกย่องว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทมูลค่ารวมกว่าล้านล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยวิธีการในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งสามารถสรุปดังนี้
(1) Your People Make You a Leader บิลเชื่อว่าผู้นำที่ดีต้องให้ความสำคัญกับคนเหนือสิ่งอื่นใด บิลสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้ทีมปลดปล่อยศักยภาพอย่างเต็มที่โดยการสนับสนุน ให้เกียรติ และสร้างความไว้วางใจ ซึ่งส่งผลให้ทีมสามารถพูดคุยกันอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา และยึดมั่นกับผลการตัดสินใจร่วมกัน นอกจากนั้นบิลยังสอนโค้ชชีเสมอว่าในการถกประเด็นต่างๆ จำเป็นต้องพิจารณาถึงแก่นแท้ของเรื่องและนำมาใช้เป็นกรอบให้ทุกคนร่วมเสนอความคิดเห็นเพื่อหาไอเดียที่ดีที่สุด
(2) Build an Envelop of Trust บิลเชื่อว่าการสร้างความเชื่อใจและความปลอดภัยเชิงจิตวิทยาจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยใช้แนวทางความรักที่เข้มงวด (Tough Love) โค้ชเฉพาะคนที่โค้ชได้ การตั้งความหวังไว้สูงและช่วยผลักดันให้ไปถึงเป้าหมายด้วยการรับฟังและตั้งคำถามที่ช่วยให้ผู้ฟังพบคำตอบด้วยตัวเอง รวมถึงการให้ฟีดแบคอย่างตรงไปตรงมา
(3) Team First บิลเห็นว่าสิ่งที่ผู้บริหารต้องทำไม่ใช่การจัดการปัญหาด้วยตนเองแต่เป็นการสร้างทีมที่เหมาะสมสำหรับปัญหานั้นๆ เพราะทีมเป็นจิ๊กซอว์สำคัญต่อความสำเร็จระยะยาวขององค์กร โดยคุณสมบัติหลักที่บิลมองหาคือทีมที่มีทั้ง “หัว” และ “ใจ” เพราะ Soft Skill นั้นสำคัญไม่แพ้ Hard Skill โดยบิลจะช่วยให้ทีมสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพและมองหาปัญหาถึงแก่นแท้
(4) The Power of Love เมื่อสร้างทีมแล้ว ถัดมาคือการสร้างสายสัมพันธ์ผ่านการใส่ใจ เห็นอกเห็นใจ และปรารถนาดีกับคนในทีมทั้งเรื่องงานและด้านอื่นๆ ของชีวิต บิลเชื่อว่าหากทำลายกำแพงระหว่างตัวตนที่แท้จริงกับตัวตนที่ทำงานได้ก็จะสร้างความรู้สึกร่วมของคอมมูนิตีและทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น
เทคนิคที่บิลใช้ทั้งการโค้ชแบบ 1 on 1 และเป็นทีม รวมถึงเรื่องภาวะผู้นำ การรับฟัง การสร้างทีม การเป็นผู้ให้ ฯลฯ และที่สำคัญที่สุด คือ "ความรัก" และ “ความเชื่อใจ” นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์สภาพแวดล้อมการแข่งขันในปัจจุบันที่ต้องอาศัยทีมที่มีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี ซึ่งทีมที่แข็งแกร่งนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีผู้นำที่เป็นทั้งผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และเป็นโค้ชที่ใส่ใจนั่นเอง